งานวิจัยและบทความ

การประสานเครือข่ายทางสังคมในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม: ศึกษากรณีนครประวัติศาสตร์ภาคกลาง
โดย ปกรณ์ กำลังเอก
เผยแพร่เมื่อ 22 พฤษภาคม 2024
มรดกโลก, การอนุรักษ์และสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม
แหล่งจัดเก็บทรัพยากรต้นฉบับ
วารสารวิชาการอยุธยาศึกษา ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 (2021): กรกฎาคม – ธันวาคม 2564
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาบริบทเครือข่ายพื้นที่มรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (2) เพื่อศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมทางสังคมในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (3) เพื่อศึกษารูปแบบและการดำเนินการในการประสานเครือข่ายทางสังคม ตลอดถึงความเข้มแข็งของเครือข่ายทางสังคมในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (4) เพื่อศึกษาแนวทางในการเพิ่มศักยภาพการประสานเครือข่ายทางสังคมในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา การวิจัยครั้งนี้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัยพบว่า 1) นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็นพื้นที่พิเศษ เพราะมีการดำเนินกิจกรรมของผู้คนทับซ้อนบนพื้นที่โบราณสถาน ดังนั้นจึงต้องมีการอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการพัฒนา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทั้งจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีกฎหมายเฉพาะ มีระเบียบ และข้อบัญญัติ เป็นเครื่องมือในการดำเนินการตามหน้าที่ของตน ซึ่งการดำเนินงานจะต้องอยู่ภายใต้แผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา 2) ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์น้อยมาก และมีเพียงบางขั้นตอนเท่านั้น 3) รูปแบบการประสานเครือข่ายทางสังคมเป็นรูปแบบที่ภาครัฐมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดำเนินการอนุรักษ์ อีกทั้งเครือข่ายทางสังคมในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ไม่มีความเข้มแข็ง 4) แนวทางในการเพิ่มศักยภาพการประสานเครือข่ายทางสังคม ในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีแนวทาง 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นมาตรการทางกฎหมาย ควรมีการปรับปรุงกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อน และไม่ทันต่อกาลสมัย ทั้งเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรพิเศษในการบริหารจัดการนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (2) ประเด็นการอนุรักษ์ ควรเพิ่มจำนวนอาสาสมัครในการอนุรักษ์มรดกของชาติ (3) ประเด็นการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งเผยแพร่ความรู้ในการอนุรักษ์ให้แก่ภาคประชาชน และ (4) ประเด็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ภาครัฐควรเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ในทุก ๆ ขั้นตอน