งานวิจัยและบทความ


ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ระบบไพร่เป็นแหล่งทรัพยากรหลักในการก่อสร้างของรัฐบาล แต่สถานการณ์ทางการก่อสร้างสยามเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 อันเป็นผลมาจากการสลายตัวของระบบไพร่ การหลั่งไหลของแรงงานอพยพชาวจีน และการเข้ามาของระบบทุนนิยมในการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามไม่มีช่วงเวลาใดที่ทำให้กระบวนการก่อสร้างถูกแยกออกจากกระบวนการออกแบบดังที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 2420 เมื่อระบบรับเหมาก่อสร้างถูกนำมาใช้จัดการการก่อสร้างของรัฐบาลเป็นครั้งแรก บทความนี้เริ่มต้นจากการพิจารณาปัญหาด้านแรงงานและความไร้ประสิทธิภาพของการจัดการวัสดุก่อสร้างภายใต้ระบบไพร่ และศึกษาว่าระบบรับเหมาก่อสร้างที่นำเข้ามาโดยผู้รับเหมาชาวยุโรปนั้น ได้เสนอวิธีจัดการก่อสร้างที่มีระเบียบแบบแผนมากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่รัฐบาลสยามอย่างไร บทความแสดงให้เห็นว่า ระบบรับเหมาก่อสร้างแตกต่างจากวิถีการผลิตอาคารแบบเก่าของสยาม ที่ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จในการก่อสร้างอาคารจะถูกคำนวณภายหลังงานก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ภายใต้ระบบรับเหมา ผู้รับเหมาจะเป็นผู้ประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดของงานก่อสร้าง โดยตกลงราคากับผู้ว่าจ้างเป็นการล่วงหน้าก่อนที่งานก่อสร้างจะเริ่มต้นขึ้น จากนั้นผู้รับเหมาจึงกลายเป็นผู้ควบคุมงานและรับผิดชอบงานทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง คำถามมีอยู่ว่า การแบ่งกระบวนการก่อสร้างให้เป็นอิสระแยกขาดจากกระบวนการออกแบบภายใต้เงื่อนไขของการทำสัญญารับเหมาก่อสร้างนั้น ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ทางการผลิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องในการผลิตงานก่อสร้างและการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างไร การวิจัยพิจารณาหลักฐานการก่อสร้าง เช่น บันทึกโต้ตอบ เอกสารสัญญาก่อสร้าง แบบประมาณราคา แบบทางสถาปัตยกรรม และรายการประกอบแบบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการโอนย้ายงานก่อสร้างไปอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาแต่เพียงผู้เดียวนั้น นอกจากผลประโยชน์ในด้านอื่นแล้ว ยังช่วยทำให้รัฐบาลสยามหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับแรงงานและวัสดุที่หมักหมมมานานได้ อย่างไรก็ตามในขณะที่ระบบรับเหมาก่อสร้างเป็นคุณประโยชน์แก่ทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมา ทว่ากลับทำให้เจ้าพนักงานราชการบางตำแหน่ง เช่น แม่กองและนายช่าง สูญเสียสถานะทางหน้าที่การงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง รวมทั้งกำลังคนในความควบคุมของตนด้วย บทความเสนอว่าภายใต้สถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้ได้เกิดพัฒนาการทางการปฏิบัติทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญ 2 ประการ ซึ่งยังคงมีผลมาจนถึงปัจจุบัน คือ ประการแรก การเริ่มต้นใช้เอกสารสัญญา อันได้แก่ แบบประมาณราคา แบบอย่าง รายการก่อสร้าง และสัญญา เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารอย่างเป็นทางการระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมา ประการที่สอง การเกิดขึ้นของตำแหน่งสถาปนิกในกระทรวงโยธาธิการ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงานออกแบบในลักษณะที่เป็นอิสระจากกระบวนการก่อสร้าง รวมทั้งผลิตแบบอย่างและรายการก่อสร้าง เพื่อเป็นกลไกควบคุมคุณภาพของงานก่อสร้างที่ดำเนินการโดยผู้รับเหมา บทความจบลงด้วยการพิจารณาความสำคัญของแบบอย่างในฐานะผลผลิตทางวัตถุชนิดใหม่ในปฏิบัติการทางสถาปัตยกรรม ผ่านการพิจารณากระบวนการออกแบบของการบูรณะอุโบสถวัดราชาธิวาสที่สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้อค้นพบจากการศึกษานี้จะก่อให้เกิดความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับอาชีพรับเหมาก่อสร้างในบริบทของประเทศไทย