งานวิจัยและบทความ

เทวนิยมอินเดีย : เส้นทางและปรากฏการณ์ในสังคมไทย
โดย คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง
เผยแพร่เมื่อ 15 มิถุนายน 2024
ปรัชญาและศาสนา
แหล่งจัดเก็บทรัพยากรต้นฉบับ
บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์พัฒนาการของเทวนิยมอินเดียที่สัมพันธ์กับพัฒนาการของความคิดความเชื่อและปรากฏการณ์ในสังคมไทย ผลการศึกษาพบว่า ในอินเดียมีพัฒนาการของความเชื่อเรื่องเทพเจ้าจากยุคก่อนประวัติศาสตร์สืบทอดในกลุ่มชนพื้นเมืองซึ่งมีลักษณะคล้ายศาสนาผีในอุษาคเนย์ แล้วเกิดการผสมผสานกับแนวคิดเกี่ยวกับเทพเจ้าอื่นๆเมื่อมีการอพยพเข้ามาของชาวอารยัน โดยใช้วิธีการสร้างเทวตำนานเพื่อดูดกลืนเทพพื้นเมืองเหล่านั้น ในเวลาต่อมามีการพัฒนาแนวคิดทางปรัชญาทำให้ผีพื้นเมืองเปลี่ยนสถานะเป็นเทพเจ้าและพระเป็นเจ้าในที่สุดแต่ความเป็นผีพื้นเมืองก็ยังสามารถดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันในรูปของนิกายศากตะและตันตระ เมื่อศาสนาพราหมณ์จากอินเดียเข้ามาในอุษาคเนย์และสยามในช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 5-8 ก็ได้เข้ามาประสานกับศาสนาผีพื้นเมืองโดยง่ายจากความใกล้เคียงกันด้านภูมิหลังทางความเชื่อ และทำหน้าที่รับใช้กษัตริย์เพื่อส่งเสริมพระราชอำนาจโดยใช้สัญลักษณ์และพิธีกรรมของพราหมณ์ ในด้านความสัมพันธ์กับพุทธศาสนา ได้มีการเคลื่อนย้ายเทพเจ้าพราหมณ์เข้าสู่ระบบจักรวาลวิทยาของพุทธศาสนา คือการลดสถานะของพระเจ้าลงเป็นเทพตามคติพุทธโดยมีสถานะต่ำกว่าพระพุทธเจ้า ส่วนความสัมพันธ์กับศาสนาผีพื้นเมือง เทวนิยมอินเดียถูกครอบงำจากศาสนาผีโดยนำสัญลักษณ์และพิธีกรรมไปในความเชื่อแบบผี ทำให้เทพเจ้ากลายเป็นผีในระบบความเชื่อเดียวกันและทำให้ผีเดิมมีลักษณะที่ยิ่งใหญ่ขึ้น การเข้ามาของศาสนาฮินดูระลอกใหม่ในพุทธศตวรรษที่ 25 - 26 ทำให้เกิดการแบ่งเป็นศาสนพราหมณ์ของพื้นเมืองและศาสนาฮินดูของอินเดีย ซึ่งจะนำแนวคิดใหม่ๆคือแนวคิดเรื่องพุทธาวตารอันจะนำพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่จักรวาลวิทยาของฮินดูโดยสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างพระพุทธเจ้ากับเทพเจ้า และเปลี่ยนแปลงแนวคิดจากความเป็นเทพเจ้าไปสู่ความเป็นพระเจ้าในศาสนา พื้นที่ของศาสนาฮินดูกลายเป็นพื้นที่ใหม่ของศาสนาผีและเพศหญิงในสังคมร่วมสมัยซึ่งลดลงหลังการปฏิรูปพุทธศาสนาในสมัยรัชกาลที่สี่ โดยเฉพาะวัดพระศรีมหาอุมาเทวีหรือวัดแขกสีลมได้กลายเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดของฮินดูและผี โดยศาสนาผียังคงใช้สัญลักษณ์และพิธีกรรมของฮินดูในลักษณะเดิมและมีความซับซ้อนขึ้น